Skincare Routine เริ่มตอนดูแลผิวแบบง่ายๆ 3 ขั้นตอน

Last updated: 15 ก.พ. 2564  | 

Skincare Routine เริ่มตอนดูแลผิวแบบง่ายๆ 3 ขั้นตอน

Skincare Routine

              สกินแคร์ รูทีน ขั้นตอนการดูแลผิวหน้าจริงๆแล้วนั้นมีหลายหลายแบบ ซึ่ง ก็ขึ้นอยู่กับผู้เขียนหรือรีวิวของแต่ละบล๊อกเกอร์ จะเลือกใช้ตามต้องพิจารณาผิวว่าเราเหมาะกับการใช้สกินแคร์แบบไหนบ้าง แบบเหมาะกับผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม จนไปถึงผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ และยังแยกขั้นตอนการดูแลผิวได้ อีกหลายขั้นตอนมากๆ แต่!สำหรับหัวข้อนี้ เราจะขอนำเสนอ การดูแลผิวแบบ "เริ่มต้น" ที่จะทำได้ง่ายที่สุด และตรงจุดประสงค์กับปัญหาผิวอีกด้วย

 

Skincare Routine บางบทความนั้น จะเริ่มตั้งแต่การล้างเครื่องสำอางค์ ทำความสะอาดผิว ในส่วนนี้เราขอแนะนำในบทความต่อไปนะคะ

 

Beginner's Guid

สำหรับตอนการดูแลผิวอย่างง่าย นั้นเริ่มต้นหลังจากทำความสะอาดผิวหน้า เรียบร้อยแล้ว

โดยมีหลักสำคัญสำหรับการดูแลผิวอย่างง่าย 3 ขั้นด้วยกัน คือ

 

ขั้้นที่ 1 เน้นในการแก้ไขปัญหาผิว
              อย่าง ปัญหาสิว ริ้วรอย เป็นหลัก โดยการเลือกสกินแคร์ที่มีความเข้มข้น และสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด เช่น สำหรับผู้ที่มีปัญหาเผ็นสิว ให้เลือกสกินแคร์ที่เน้นในการรักษาสิวโดยเฉพาะ เลือก โทนเนอร์ที่ช่วยลดการอักเสพของสิวหรือช่วยฆ่าเชื้อสิว และ ‘Serum’ 
              เซรั่ม คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหนังที่มีโมเลกุลขนาดเล็กมาก ลักษณะของเนื้อเซรั่มจะมีความเบาบาง โดยเนื้อของเซรั่มจะสามารถมีความเหลวไปจนถึงกึ่งเหลว ส่วนในเรื่องของสีเนื้อเซรั่มอาจจะมีความใส ความขุ่น หรือมีสี ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับส่วนผสม สารสกัด และการออกเเเบบสูตรของเซรั่มแต่ละชนิด สิ่งที่สำคัญของผลิตภัณฑ์เซรั่ม คือ จะมีความเข้นข้นของสารออกฤทธิ์สำคัญ (Active Ingredients) ที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภทอื่นๆ และมีลักษณะของการเป็น Oil Based จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการฟื้นบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง สามารถใช้ได้ในปริมาณน้อย เพียงไม่กี่หยด  แต่ยังคงให้ผลลัพธ์ที่ดี และเนื่องจากเซรั่มมีโมเลกุลขนาดเล็กจึงมีคุณสมบัติบางเบาสามารถซึมซามเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและล้ำลึกถึงระดับโครงสร้างผิว ด้วยเหตุนี้เซรั่มจึงมอบประโยชน์ของสารสกัดและส่วนผสมในการบำรุงต่างๆให้แก่ผิวได้เป็นอย่างตรงจุด

ข้อดีของเซรั่ม

เซรั่มเน้นการฟื้นบำรุงแก้ไขปัญหาผิวเฉพาะจุดได้โดยตรง 
เซรั่มมีสารบำรุงผิวต่อหยดที่เข้มข้นมาก จึงช่วยแก้ไขปัญหาผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เซรั่มซึมเร็วและลงลึกจึงทำให้มีความสามารถในการบำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอก
เซรั่มมีความเบาบาง ไม่เหนียวเหนอะเหนอะ ไม่เน้นการเคลือบผิว ทำให้มีโอกาสน้อยมากในการเกิดการสิว
เซรั่มไม่กีดกันแต่เพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์อื่นที่ใช้ร่วมด้วย

ประเภทของเซรั่ม

เซรั่มช่วยกระชับรูขุมขน (Pore Tightening Serum)
เซรั่มช่วยป้องกันสิวและลดรอยดำจากสิว (Anti-Acne Serum)
เซรั่มช่วยลดริ้วรอย (Anti-Aging Serum)
เซรั่มช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลบเลือนจุดด่างดำ (Skin-Brightening Serum)
เซรั่มช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นรักษาผิวแห้งจากภายใน (Hydrating Serum)
เซรั่มช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวแบบองค์รวม (Renewing Serum)
เซรั่มช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว (Exfoliating Serum)

เซรั่มที่ดีเหมาะกับคุณ คือ เซรั่มที่มาจากสารสกัดธรรมชาติ ปลอดภัยปราศจากสารต่างๆที่มีโอกาสทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว และมีการนิยามการดูแลแก้ปัญหาผิวของคุณอย่างชัดเจน ซึ่งหากคุณมีหลายปัญหาผิวที่ต้องการดูแล

 

 

ขั้้นที่ 2 การบำรุงผิว เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว
              เน้นในการบำรุงผิวให้ดูแข็งแรงด้วยการเติมความชุ่มชื่น และล๊อกความชุ่มชื่อไว้กับผิว จะเป็นตัวช่วยในการฟื้นฟูบำรุงผิว ให้มีความชุ่มชื่น อิ่มน้ำ แลดูสุขภาพดี ซึ่งก็คือ ‘Moisturizer’ แต่ในการเลือกใช้ ก็ต้องให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าด้วย เพราะ Moisturize บางตัวก็ไม่ได้เหมาะกับทุกสภาพผิว เช่น

              ผิวมัน (Oily skin) : ลักษณะจะเป็นผิวที่มันวาวเนื่องจากมีการผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามากกว่าปกติ มอยส์เจอไรเซอร์ที่แนะนำให้ใช้จะเป็นแบบฐานน้ำ (Water-based moisturizer) ที่อาจอยู่ในรูปแบบโลชั่นเหลว หรือเลือกแบบเจล ที่จะซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ คนผิวหน้ามันควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบเป็นสารที่เป็นน้ำมันอีกด้วย

              ผิวแห้ง (Dry skin) : ลักษณะผิวจะค่อนข้างแห้งและขาดน้ำ จึงควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ โดยแนะนำให้ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ฐานน้ำมัน (Oil-based moisturizer) เพื่อให้น้ำมันเคลือบผิวไม่ให้ความชื้นจากผิวระเหยออกไป ซึ่งเนื้อของผลิตภัณฑ์อาจมีความข้นหรือหนืดมากกว่าปกติ หากท่านใดมีผิวที่แห้งมากเป็นพิเศษ อาจใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อเป็นขี้ผึ้งซึ่งมีความสามารถในการคลือบผิว ทำให้ลดการระเหยของน้ำได้มากกว่าผลิตภัณฑ์ชนิดโลชั่นหรือครีม แต่ข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์เนื้อขี้ผึ้งคือ จะก่อให้เกิดความมันบนผิว อาจทำให้ไม่สะดวกหากทาตอนกลางวัน จึงแนะนำให้ทาตอนก่อนนอน

              ผิวผสม (Combination skin) : ลักษณะผิวบางบริเวณจะแห้งและบางบริเวณ เช่น หน้าผาก จมูก คาง จะมีความมัน อาจเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีความหนืดเเละให้ความชุ่มชื้นปานกลาง เป็นเนื้อโลชั่นกึ่งครีม หรืออาจเลือกใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละส่วน เช่น ส่วนที่แห้ง ใช้มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับคนผิวแห้ง และส่วนที่มัน ให้ใช้มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับคนผิวมัน

              ผิวปกติ (Normal skin) : ลักษณะผิวไม่แห้งหรือมันจนเกินไป สามารถใช้มอยส์เจอไรเซอร์ฐานน้ำ (Water-based moisturizer) ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบโลชั่น เพื่อที่จะได้รู้สึกแห้งเร็ว เบาสบายผิว ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะจนเกินไป หรือหากต้องการความชุ่มชื้นมากๆ ก็สามารถใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เป็นฐานน้ำมันได้ (Oil-based moisturizer) แต่เวลาที่ใช้อาจปรับเปลี่ยนตามสภาพอากาศ เช่น ถ้าอยู่ในประเทศที่มีอากาศเย็นหรือหนาว สามารถทามอยส์เจอไรเซอร์ที่เป็นฐานน้ำมันได้ทั้งเช้าและเย็น แต่หากอยู่ในประเทศที่มีอากาศค่อนข้างร้อน แนะนำให้ทาช่วงก่อนนอน จะได้ไม่เกิดความเหนียวเหนอะหนะระหว่างวัน

 

 

ขั้้นที่ 3 บำรุงผิวเพื่อช่วยให้ผิวกระจ่างใส
              ในขึ้นสุดท้ายที่เราแนะนำคือการเลือกครีมบำรุงผิว 'Brightening' เพิ่มความขาวกระจ่างใสให้กับผิวหน้า โดยเลือกการใช้ผลิตภัณฑ์ตามสถานการณ์ สำหรับช่วงเวลาต่างๆ เช่น

กลางคืน (Night) : สำหรับช่วงเวลากลางคืน การบำรุงผิวหน้าให้ผิวขาวกระจ่างใสนั้น ไม่ได้เจาะจงอยู่ที่ตัวครีม ซึ่งสามารถเลือกใช้เป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในการบำรุงได้ เช่น

ผลิตภัณฑ์ Sleeping mask บำรุงในขณะนอนหลับเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ และฟื้นฟูผิว 
ผลิตภัณฑ์ Night Cream ฟื้นบำรุงผิวกลางคืน เน้นในเรื่องของการบำรุงผิว เพิ่มความกระจ่างใส และช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้ายมาทั้งวันจากตอนกลางวัน 

'Night Cream กับ Sleeping Mask แตกต่างกันอย่างไร'
              Night Cream : มีส่วนผสมที่ออกแบบมาให้ใช้ทาได้ทุกๆคืนเพื่อผลลัพธ์ที่ดี มักใช้ในปริมาณประมาณ 1 เหรียญบาท
              Sleeping Mask : มีส่วนผสมเข้มข้นมากเป็นพิเศษ เป็น Mask ที่อยู่ในรูปแบบครีมข้นๆ ทาทิ้งไว้ไม่ต้องล้างออก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพผิวหน้าแบบเร่งด่วน และมักใช้ปริมาณค่อนข้างมากต่อการทาหน้า 1 ครั้ง ออกแบบมาเพื่อการใช้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หรือบางแบรนด์ก็ออกแบบมาให้สามารถใช้ทาได้ทุกคืน

กลางวัน (Day) : เน้นบำรุงผิว ปรับผิวให้ขาวขึ้นและความกระจ่างใสให้กับผิว จนไปถึงมีส่วนช่วยในการปกป้องผิวจากภัยร้ายจากแสงแดดพวก UV ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น UVA, UVB เป็นต้น เช่น

ผลิตภัณฑ์ Day Cream ก็คือครีมที่ใช้ทาสำหรับกลางวัน ตั้งแต่คุณตื่นเช้าจนถึงตกเย็น ครีมชนิดนี้ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องของการปกป้องจากแสงแดดหรือแม้แต่ช่วยปกป้องพวกมลพิษทางอากาศที่เราต้องออกไปเจอในทุกๆวัน เดย์ครีมส่วนใหญ่มักจะผลิตออกมามีเนื้อครีมและสีคล้ายๆรองพื้น เพราะนอกจากจะช่วยปกป้องแล้วยังช่วยในเรื่องของการปกปิดได้อีกด้วย
ผลิตภัณฑ์ Whitening ไวท์เทนนิ่ง เป็นครีมบำรุงที่ช่วยให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส ปรับผิวขาวเรียบเนียนก่อนแต่งหน้าได้ด้วย
ผลิตภัณฑ์ Sun Screen ช่วยปกป้องผิวจากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวี ( Ultraviolet Radiation: UV) โดยช่วยให้ผิวไม่ถูกแสงแดดทำลายจนไหม้หรือเกิดจุดด่างดำ (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ เลือกใช้ครีมกันแดดอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว

 

 

เริ่มต้นสร้างแบรนด์กับโรงงานมาตรฐาน GMP สร้างแบรนด์ดัง ปรึกษาการตลาดกับนักการตลาด มืออาชีพ
โกลบอล อินสไปร์ แลบบอราทอรีส์ เพราะเราคือ คู่คิด มืออาชีพ เคียงข้างคุณ
#GlobalInspiredLaboratory

Contact us ติดต่อเราได้ที่

Contact us
Tel : 066-159-2565
Line : @globalinspired (อย่าลืม @ ด้านหน้านะคะ)
Website : www.gil.co.th
เวลาทำการ : 9.00 น. - 19.00 น. วันจันทร์ - วันเสาร์ (หยุดวันอาทิตย์)

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้